ข้อ ๑๗ ในกรณีที่ผู้ขอไม่อาจยื่นคำขอระหว่างประเทศภายในระยะเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันยื่นคำขอครั้งแรก หากผู้ขอประสงค์จะขอถือสิทธิตามข้อ ๑๖ ผู้ขออาจยื่นคำร้องเพื่อขอฟื้นสิทธิการขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์เริ่มตั้งแต่วันยื่นคำขอครั้งแรกต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาภายในระยะเวลาสองเดือนนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลาการขอถือสิทธิตามข้อ
๑๖ วรรคหนึ่งพร้อมทั้งแจ้งเหตุผลและหลักฐานที่แสดงว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่กรณีแล้ว
หากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเห็นว่าผู้ขอได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่กรณีแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนด ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินกาตามคำร้องต่อไปได้
ข้อ ๑๘ ผู้ขออาจถอนคำขอระหว่างประเทศในเวลาใดก็ได้ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาสามสิบเดือนนับแต่วันยื่นคำขอครั้งแรก ต่อองค์กร ดังต่อไปนี้
(๑) กรมทรัพย์สินทางปัญญา
(๒) สำนักระหว่างประเทศ หรือ
(๓) องค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศ ในกรณีที่ผู้ขอประสงค์จะให้มีการตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศ
การขอถอนคำขอระหว่างประเทศให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนดตามสนธิสัญญาและให้มีผลเมื่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสำนักระหว่างประเทศ หรือองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศได้รับแจ้งการขอถอนคำขอระหว่างประเทศ
ในกรณีที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับแจ้งการขอถอนคำขอระหว่างประเทศตามวรรคหนึ่งให้แจ้งการขอถอนดังกล่าวไปยังสำนักระหว่างประเทศโดยเร็ว และในกรณีที่ได้ส่งคำขอระหว่างประเทศฉบับองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศไปยังองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศตามข้อ ๑๓ แล้ว ให้แจ้งการขอถอนไปยังองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศด้วย
ข้อ ๑๙ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาคืนเงินค่ายื่นคำขอระหว่างประเทศหรือค่าตรวจค้นระหว่างประเทศแก่ผู้ขอ ในกรณี ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีที่ไม่มีการดำเนินการกับคำขอระหว่างประเทศตามข้อ ๑๒ วรรคสาม
(๒) กรณีที่มีการถอนคำขอระหว่างประเทศตามข้อ ๑๐ วรรคสาม ข้อ ๑๔ (๑)
วรรคสี่ ข้อ ๑๔ (๒) วรรคสอง และข้อ ๑๕ วรรคสาม หรือกรณีที่ผู้ขอถอนคำขอระหว่างประเทศตามข้อ ๑๘ ก่อนส่งคำขอระหว่างประเทศฉบับสำนักระหว่างประเทศไปยังสำนักระหว่างประเทศ
หรือก่อนส่งคำขอระหว่างประเทศฉบับองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศไปยังองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๒๐ ในกรณีที่องค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศที่สนธิสัญญารับรองมีหลายแห่งให้อธิบดีประกาศรายชื่อองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะให้ดำเนินการตรวจค้นคำขอระหว่างประเทศของผู้ขอที่ยื่นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา และแจ้งให้สำนักระหว่างประเทศทราบ
ในกรณีที่อธิบดีประกาศรายชื่อองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศมากกว่าหนึ่งองค์กร ให้ผู้ขอระบุองค์กรตรวจค้นระหว่างประเทศที่ประสงค์จะให้ดำเนินการตรวจค้นคำขอระหว่างประเทศไว้ในคำขอระหว่างประเทศ
ข้อ ๒๑ ในกรณีที่องค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศที่สนธิสัญญารับรองมีหลายแห่งให้อธิบดีประกาศรายชื่อองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะให้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตามคำขอระหว่าง
ประเทศของผู้ขอที่ยื่นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา และแจ้งให้สำนักระหว่างประเทศทราบ
ในกรณีที่ผู้ขอประสงค์จะให้องค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศองค์กรใดที่อธิบดีประกาศรายชื่อเป็นองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตามคำขอระหว่างประเทศของตน ให้ยื่นคำร้องขอไปยังองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศนั้นโดยตรง หรือยื่นผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อส่งต่อไปยังองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศ และให้ผู้ขอชำระค่าตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศต่อองค์กรตรวจสอบเบื้องต้นระหว่างประเทศโดยตรง
หมวด ๒
การดำเนินการกับคำขอระหว่างประเทศ
ที่ขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศไทย
ข้อ ๒๒ ผู้ขอซึ่งได้ยื่นคำขอระหว่างประเทศในประเทศภาคีแห่งสนธิสัญญาไว้แล้วหากประสงค์จะขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศไทย ให้แจ้งความประสงค์มายังกรมทรัพย์สินทางปัญญาตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด พร้อมทั้งส่งคำแปลเป็นภาษาไทยและชำระค่าธรรมเนียมคำขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรตามอัตราที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ภายในระยะเวลาสามสิบเดือนนับแต่วันยื่นคำขอครั้งแรก
ในกรณีที่ผู้ขอมิได้ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าคำขอระหว่างประเทศนั้นสิ้นผลในประเทศไทย
ข้อ ๒๓ ในกรณีที่ผู้ขอไม่อาจดำเนินการภายในระยะเวลาสามสิบเดือนตามข้อ
๒๒ วรรคหนึ่ง ผู้ขออาจยื่นคำร้องเพื่อขอฟื้นสิทธิให้คำขอระหว่างประเทศยังคงมีผลในประเทศไทยต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ภายในระยะเวลาสองเดือนนับแต่วันที่เหตุที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดได้สิ้นสุดลง หรือภายในระยะเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลาตามข้อ ๒๒ วรคหนึ่ง แล้วแต่ระยะเวลาใดจะสิ้นสุดลงก่อน โดยแสดงเหตุผลและหลักฐาน พร้อมทั้งดำเนินการตามที่กำหนดในข้อ ๒๒
เมื่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณาคำร้องตามวรรคหนึ่งแล้ว เห็นว่าผู้ขอได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่กรณีแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนดให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำ เนินการกับคำ ขอระหว่างประเทศตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ต่อไปและแจ้งให้ผู้ขอทราบด้วย
ข้อ ๒๔ ผู้ขอซึ่งได้ยื่นคำ ขอระหว่างประเทศไว้แล้วในประเทศภาคีแห่งสนธิสัญญาและประสงค์ที่จะขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศไทย อาจร้องขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาทบทวนผลการพิจารณาคำขอระหว่างประเทศในกรณี ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีที่สำนักงานรับคำขอในประเทศภาคีแห่งสนธิสัญญาปฏิเสธที่จะระบุวันยื่นคำขอระหว่างประเทศ หรือ
(๒) กรณีที่ถือว่ามีการถอนคำขอระหว่างประเทศการยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขอยื่นคำร้องไปยังสำนักระหว่างประเทศภายในระยะเวลาสองเดือนนับแต่วันที่ผู้ขอได้รับแจ้งผลการพิจารณา เพื่อขอให้สำนักระหว่างประเทศ
จัดส่งคำขอระหว่างประเทศนั้นมายังกรมทรัพย์สินทางปัญญา
หากปรากฏแก่กรมทรัพย์สินทางปัญญาว่า ผลการพิจารณาคำขอระหว่างประเทศตามวรรคหนึ่งเกิดจากความผิดพลาดหรือความละเลยของสำนักงานรับคำขอในประเทศภาคีแห่งสนธิสัญญาหรือสำนักระหว่างประเทศ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการกับคำขอระหว่างประเทศนั้นตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ต่อไป และให้ถือว่าคำขอระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นคำขอรับสิทธิบัตร หรืออนุสิทธิบัตร ที่ได้ยื่นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ข้อ ๒๕ ให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการกับคำขอระหว่างประเทศที่ขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศไทยตามข้อ ๒๒ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาสามสิบเดือนนับแต่วันยื่นคำขอครั้งแรก เว้นแต่ผู้ขอได้ยื่นคำร้องขอให้ดำเนินการก่อนครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
พรทิวา นาคาศัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
Index Page
[1] [2] [3]
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็น
การกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ที่มีสัญชาติหรือภูมิลำเนาของประเทศภาคีแห่งสนธิสัญญาสามารถยื่นคำขอระหว่างประเทศเพียงครั้งเดียว เพื่อขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาได้ อันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ยื่นคำขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ ประกอบกับมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.
๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้การขอรับสิทธิบัตรเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกฎกระทรวงนี้ |